รวมหนัง เจมส์ บอนด์ 007 James Bond 007 เจมส์ บอนด์ สาย MI6 ลอบเข้าไปในฐานทัพของประเทศเกาหลีเหนือรวมทั้งพบว่าพันเอกทัน ซุน มูนค้าอาวุธไม่มีอารยธรรม บอนด์ถูกซาโอ มือขวาของพันเอกมูนจับได้ ก็เลยหลบซ่อนโดยใช้เรือโฮเวอร์คราฟต์ การไล่ล่าจบลงเมื่อเรือโฮเวอร์คราฟต์ของพันเอกมูนตกน้ำตกไป ส่วนบอนด์มีชีวิตรอด แต่ว่าถูกข้างประเทศเกาหลีเหนือจับ ข้างหลังถูกขังรวมทั้งถูกทารุณกว่า 14 เดือน บอนด์ได้รับการปล่อยตัวเพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวซาโอ บอนด์ถูกนำตัวไปพบ M หัวหน้าหน่วย MI6 M บอกบอนด์ว่าเขาถูกพักงานเพราะว่าถูกสงสัยว่าเปิดเผยความลับระหว่างถูกขัง ด้านบอนด์กล่าวว่าตนถูกคิดคดทรยศโดยสายสองหน้าในหน่วยงานและก็ตั้งมั่นจะค้นหาข้อเท็จจริง ข้างหลังหลบซ่อนการเข้าจับกุมของ MI6 บอนด์สืบรู้มาว่าซาโออยู่ในประเทศคิวบา
รวมหนัง เจมส์ บอนด์ 007 James Bond 007 ดูหนังพากย์ไทย
Your Christmas or Mine 2 เล่าราวสม่ำเสมอจากภาคก่อน เมื่อ เจมส์ กับ เฮย์ลี ได้ชูครอบครัวไปพักช่วงปลายปีที่สกีเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์หรูหราในแนวเขาแอลป์ แต่ว่าเนื่องจากว่าข้อผิดพลาดของการบุ๊กกิ้งบ้านพักโดยบิดาของเฮย์ลี ทำให้อีกทั้ง 2 ครอบครัวไปโผล่อยู่ที่จุดหมายปลายทางไม่เหมือนกันคนละที่ แปลงเป็นการสับเปลี่ยนวันคริสต์มาสของพวกเขาอีกที ทำให้ เจมส์ กับ เฮย์ลี จะต้องเจอหน้ากับบทดสอบความข้องเกี่ยวอีกรอบ ท่ามกลางสายตาของคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัว
โดยในหนังภาคนี้ก็ยังคงได้โอกาสมผู้ผลิตชุดเดิม ไม่ว่าจะเป็น “จิม โอ’ฮานลอน” ที่กลับมารับหน้าที่ควบคุมหนังอีกที จากบทหนังของ “ทอม แพร์รี” ที่เอาจริงเอาจังๆถ้าจะว่ากันตามจริง เมื่อครั้งใน Your Christmas or Mine? เมื่อปีก่อน ก็เป็นหนังรอมคอมกลิ่นเทศกาลที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จที่พวกเราบางทีก็อาจจะยังรู้สึกเฉยๆเป็นเสียส่วนมาก หนังบางทีอาจจะน่ารักน่าเอ็นดูดีแต่ก็ยังไม่มีอะไรให้น่าจำ เอาจริงเอาจังๆก็เกือบจะจำไม่ได้แล้วด้วยว่าภาคแรกเป็น
เพียงพอมาถึง Your Christmas or Mine 2 ก็ยังมากับแพ็กสูตรสำเร็จแบบเคยชินดังเช่นเดิม รวมหนัง เจมส์ บอนด์ 007 James Bond 007 มันเป็นหนังที่มีพล็อตตามตลาดทั่วๆไป เป็นหนังที่มองง่ายและก็ย่อยได้อย่างง่ายๆสิ่งเดียวกัน ราวกับเป็นหนังที่จะต้องมีไว้สำหรับในตอนเทศกาลวันหยุดสิ้นปีอะไรแบบงี้ ขนาดแล้วก็ประสิทธิภาพของหนังก็ยังรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ก้าวหน้า มีกลิ่นความเป็นหนังฉายโรงได้นิดๆแต่ว่าโดยมากก็เหมาะสมกับการเป็นหนังหน้าจอเล็กมากยิ่งกว่า
บทหนังก็แทบไม่มีอะไรออกนอกกรอบเลย Your Christmas or Mine 2 ที่เป็นการถือเอาสูตรเดิมจากภาคแรกมาเขย่าออกมาเป็นราวกับป็อปคอร์นรสชาติอื่นที่มิได้เป็นรสแปลกใหม่อะไร จังหวะต่างๆในหนังเกือบจะมิได้เกินความคาดหวัง มันเป็นการจับวางเอาไว้แบบลงล็อกเป๊ะๆซ้ำยังเต็มไปด้วยมุกเสียดสีสำเนียงรวมทั้งความเป็นเขตแดนของแต่ละถิ่น ที่เป็นอะไรที่ออกจะเชยพอได้เลยคะในยุคนี้
The Family Plan
The Family Plan เกี่ยวกับชีวิตของ ดินแดน พ่อบ้านปกติที่ดำรงชีวิตแสนเรียบง่ายอยู่ในบริเวณปริมณฑลของเมืองนิวยอร์ก แม้กระนั้นเมื่อสมัยก่อนอันแสนชั่วร้ายของเขาย้อนกลับมาเอาคืนอีกที ทำให้เขาต้องหาแนวทางที่จะคุ้มครองป้องกันครอบครัวที่เขารักที่สุด โดยที่พวกเขาก็ไม่ทราบมาก่อนเกี่ยวกับสมัยก่อนอันลึกลับของผู้นำครอบครัว ที่กาลครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมือสังหารนิรนามตัวท็อปของแวดวง!
เอาจริงเอาจังๆมันก็เป็นหนังที่มองได้เพลิดเพลินดี ในทางการหาคอนเทนท์รื่นเริงทั่วๆไป หนังก็ยังเต็มไปด้วยกิริยาอาการที่สร้างความเอ็นหน้าจอยให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าหากเป็นในทางวิภาควิจารณ์หนังอย่างไม่อ้อมค้อมแล้วละก็ มันบางทีก็อาจจะไม่ใช่การเสพสุขที่ดีสักเท่าไหร่นัก เพราะเหตุว่า The Family Plan ก็ยังดำเนินสะกดรอยหนังแอคชันครอบห้องครัวที่มีมาตลอดในตอน 20-30 ปีให้หลัง ทุกจุดและก็ทุกก้าวเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบสำเร็จรูปแบบจับวางเอาไว้
โดยหนังได้ผู้กำกับจากแวดวงโทรทัศน์ “ไซมอน เคแลน โจนส์” มารับหน้าที่ดูแลหนังประเด็นนี้ เพราะฉะนั้นสเกลงานสร้างของหนังประเด็นนี้มันก็จะออกมาใสๆคลุ้งๆแบบตามสไตล์หนังที่สร้างออกมาจากทางโทรทัศน์โดยประมาณนั้น ส่วนประกอบงานสร้างมิได้มีอะไรที่แปลกใหม่ใดๆก็ตามก็เช่นเดียวกับหนังครอบครัวกลิ่นดิสนีย์นิดๆแม้กระนั้นก็มิได้ใสกระจ่างแจ้งเกินความจำเป็น แม้กระนั้นก็ยังคงในเรตที่เด็กมองได้คนแก่มองเพลิดเพลินอยู่
บทหนังได้ “เดวิด ค็อกเกอาลล์” จาก Orphan: First Kill มาปั้นเรื่องราวให้ แน่ๆว่าประสิทธิภาพของบทหนังก็น่าจะมิได้เพอร์เฟ็คอะไรนัก หากมองผลงานก่อนๆของคนเขียนรายนี้ก็จะทราบดีว่าเขาเขียนบทหนังในสไตล์ที่ออกจะเซฟโซนและไม่ค่อยสร้างความแปลกใหม่ออกมาให้กับผู้ชมสักเท่าไหร่ อย่างเดียวกัน The Family Plan ก็จัดไว้อยู่ในหมวดพื้นที่ปลอดภัย หนังไม่ค่อยเดินออกนอกกรอบสักเท่าไหร่
ถึงแม้หนังจะมีองค์ประกอบเรื่องราวที่เชื้อเชิญสนุกสนาน รวมหนัง เจมส์ บอนด์ 007 James Bond 007 แต่ว่าโชคร้ายที่จังหวะการเล่าเรื่องของหนังติดเป็นหนังโทรทัศน์อดีตสมัยไปสักนิดสักหน่อย ซ้ำยังออกจะความกระชุ่มกระชวยสำหรับเพื่อการร้อยเรียงเรื่องราวไปสักนิด แม้ว่าหนังสามารถกระชับได้ขึ้นอีกนิด ไม่ปลดปล่อยออกมาเป็นหนังครอบครัวบู๊เรื่อยเปื่อยเฉียดฉิว 2 ชั่วโมงแบบงี้ คงจะมีอะไรที่อิมแพคต่อตัวหนังได้อยู่บ้าง เว้นแต่ข้อความสำคัญที่ดีแต่หาเนื้อได้น้อยนิด
มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็ยังปฏิบัติภารกิจเป็นเสาหลักนำทางหนังประเด็นนี้ได้ดิบได้ดีเหมือนเคย เขาเป็นมือโปร เขาเป็นดาราหนังตัวบิดา กล้องถ่ายรูปรักเขา สตอปรี่ของหนังก็รักเขา เขาก็คือหมากดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และก็สามารถแบกรับตัวหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ก้าวหน้า แม้หน้าที่ที่เขาได้รับมันจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม มันเป็นบทกล้วยๆที่เขาเองก็เคยถ่ายทอดมาแล้วจากผลงานก่อนๆ
Chicken Run: Dawn of the Nugget
Chicken Run: Dawn of the Nugget เล่าราวภายหลังที่หลบซ่อนออกมาจากฟาร์มไก่สุดหฤโหดในคราวนี้ จินพบร์ กับ ร็อกกี้ แล้วก็พวกเชื้อสายไก่ได้ย้ายถิ่นแล้วก็แยกตัวดำเนินชีวิตเฉยๆอยู่บนเกาะกึ่งกลางน้ำที่แสนสงบ แม้กระนั้นเมื่อให้กำเนิด มอลลี บุตรสาวที่ใฝ่ฝันต้องการเจอกับอิสระ ภาพจำในอดีตกาลกลับมาราวกับเดจาวูอีกรอบ เมื่อพวกเขาจะต้องเจอหน้ากับโรงงานผลิตนักเก็ตไก่ที่กำลังรุกรามแล้วก็ดัดแปลงชีวิตไก่ตัวเป็นๆ
อาร์ดแมน แอนิเมชัน ยังคงเสน่ห์การผลิตหนังสไตล์สต็อปโมชันจากดินน้ำมันปั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาอีกที แม้กระนั้นปัจจัยที่การผลิตหนังสไตล์นี้นานๆหนจะทำออกมาสักหนึ่งครั้ง เนื่องจากว่าวัตถุการปั้นนับวันยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่าเดิม สำหรับภาคต่อประเด็นนี้ถึงจะเป็นส่วนประกอบเรื่องราวต่อจากเดิม แต่ว่าคณะทำงานผู้ผลิตโดยมากก็แปรไปแทบหมด เนื่องจากว่าวันตอนที่ผ่านไปนานแล้วนั่นเอง
แซม เฟล” จากหนังแอนิเมชัน ParaNorman มารับหน้าที่ดูแลงานสร้างภาพยนตร์ประเด็นนี้แทน แน่ๆว่าเขามีประสบการณ์สร้างภาพยนตร์แอนิเมชันสไตล์สต็อปโมชันมาก่อนแล้วอยู่หลายเรื่อง โดยเหตุนี้เมื่อมาจับงานปั้นเรื่องนี้ก็เลยไม่ใช่เรื่องยาก เขาทำหนังออกมาให้กับช่วงก้าวหน้า ในเวลาเดียวกันก็ยังคงเอกลักษณ์รวมทั้งเสน่ห์ความเป็น Chicken Run ต้นฉบับเอาไว้ได้ค่อนข้างจะเหมาะเหม็ง
ดังนี้ Chicken Run: Dawn of the Nugget ยังคงได้ “แคปรี่ เคิร์กแพทริก” กับ “จอห์น โอ’ฟาร์เรลล์” คนเขียนจากหนังต้นฉบับกลับมาร่วมกลุ่มอีกรอบ ร่วมด้วยสาวคนเขียนบทแบบใหม่ “เรเชล ทันท้องนาร์ด” ที่มาช่วยปลุกปั้นเรื่องราวความสนุกสนานอีกที แม้ว่าโดยภาพรวมแล้ว บทหนังจะยังมิได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่ หนังยังคงใช้สูตรสำเร็จแบบเก่าๆที่แต่งความขบขันก้าวหน้าเพราะว่ามุกเฮฮาสไตล์บริติชที่รู้จักนั่นเอง
Saltburn
Saltburn เกิดเรื่องราวของ โอลิเวอร์ นิสิตชายหนุ่มมหาวิทยาลัยโด่งดังของอังกฤษ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก ซึ่งพากเพียรดิ้นรนจุดที่ยืนในรั้วสถาบันอันโอ่อ่าที่นี้ ก่อนเขาจะถูกล่อใจเข้าไปสู่โลกของ ฟีลิกซ์ แคตตัน ชายหนุ่มไฮโซที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อันน่าคลั่งไคล้ แล้วก็ได้ก้าวเข้าไปสู่ซอลท์เบิร์น คฤหาสน์ดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยตำนาน กับเบาๆพบปะกับเรื่องพิศดารในฤดูร้อนที่เขาจำเป็นจะต้องจำมันไม่ลืมเลือน
เอ็มเมอรัลด์ เฟนเนลล์ ก็ยังคงกลเม็ดเด็ดพรายในงานสร้างภาพยนตร์ของคุณอยู่ถัดไป มันยังเต็มไปด้วยลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของนักสร้างภาพยนตร์หญิงผู้นี้ ที่พอเหมาะพอเจาะกับเนื้องานและก็เข้ามือคุณได้อย่างดีเยี่ยม นอกเหนือจากที่จะดูแลงานสร้างแล้ว คุณยังคงรับหน้าที่เขียนบทหนังเองอีกเหมือนเคย และยังเป็นงานบทที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันน่าค้นหาอีกที เนื่องจากเต็มไปด้วยจริตรวมทั้งกลเม็ดเด็ดพรายที่สุดกำลังเต็มอารมณ์ในแบบของเอ็มเมอรัลด์
ฉากหน้าของ Saltburn บางทีอาจจะมองเป็นหนังวัยรุ่นงานเลี้ยงเมาๆแต่ว่าเมื่อได้มาสัมผัสกับเนื้อแท้ของหนังดูแล้ว กลับได้มาพบว่ามันมีเนื้อหาสลับซับซ้อนอีกทั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนประกอบที่วุ่นวายของลำดับชนชั้นสังคมที่ถูกทำขึ้นมาเป็นสตอรีหลัก โยงใยกับห้วงมิติอารมณ์ของผู้แสดง โดยยิ่งไปกว่านั้นการสืบหาและก็ค้นหาตนเองของติดอยู่แรกเตอร์ต่างๆที่แปลงเป็นสิ่งที่เดามิได้ และก็เป็นไฮไลต์ที่ทำให้เพิ่มอรรถรสของหนังไปด้วย
หากว่าหนังจะเต็มไปด้วยความเย้ายวนที่อารมณ์จำนวนมาก แม้กระนั้นมันแปลงเป็นหนังติดเรท 18+ ที่ไม่มีถึงแม้ฉากมีเพศสัมพันธ์แบบโจ่งแจ้งใดๆก็ตามเลย แต่ใช้ส่วนประกอบของงานสร้างและก็เสน่ห์ของผู้แสดงเข้ามาผสมกับอินเนอร์ของบทได้อย่างเชิญถูกใจ..ไปจนกระทั่งเชื้อเชิญขนลุกขนพอง ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เต็มไปด้วยกิมไม่กที่เชิญปลื่มที่ผู้กำกับหญิงคนที่ใครๆก็รู้จักสรรค์สร้างออกมาได้หอมขจรกระจาย
การแสดงของ “กางร์รี คีโอแกน” ยังจัดได้ว่าดีตามมาตรฐานของเขาอีกรอบ รวมหนัง เจมส์ บอนด์ 007 James Bond 007 ถึงแม้ว่าเอกลักษณ์ในค้างแรกเตอร์ที่เขาได้รับมันจะบ่อยๆไปสักนิด แต่ว่าเขาก็ยังคงถ่ายทอดออกมาได้เชิญซาบซึ้งใจ เป็นการแสดงที่น่าค้นหารวมทั้งน่าสะพรึงกลัวไปพร้อมเพียงกัน จริงๆแล้วก็จำไม่ได้แล้วแบบเดียวกันว่านักแสดงชายหนุ่มในยุคนี้จะมีคนใดกันแน่เฉิดฉันกับบทนี้ได้พอๆกับกางร์รีผู้นี้
เวลาที่ละสายตาไปมิได้เลยก็คือ “เจคอบ เอลอร์ดี” ดาราหนังชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงมีเสน่ห์ที่สุดในยุคนี้ รวมทั้งเขาก็ตอบปัญหาในหน้าที่ที่เขายอมรับได้อย่างดีเยี่ยม เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ในลักษณ์เซ็กซ์แอพพีลที่สุดในทศวรรษนี้แล้ว แล้วก็การที่เลือกเขามารับบทนี้ก็พอเหมาะพอเจาะ ด้วยเหตุว่าเขาได้ใช้เสน่ห์นั้นมาช่วยขับหนังได้อย่างมีคุณภาพ เร้าอารมณ์ความยั่วยวนใจให้กับบรรยากาศก้าวหน้า หรือหากใช้คำศัพท์ได้รับความนิยมในโซเชียลในยุคนี้ก็จะต้องพูดว่า ‘เสวที่สุด’
